Recent

Plateform : Micro:bit

ชุดบอร์ด micro:bit ชุดทดลองที่น้าสนใจ โดยเฉพาะเด็กๆ และผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรมแบบ บล็อค ของเล่ยนมากมาย

อย่าหยุดที่จะเรียนรู้

ครูโป้ง ก็ไปเรียนเพิ่มได้ความรู้มาเพิ่มพูน ไม่หยุดนิ่ง ลงทุนบ้าง เสาะหาบ้าง

ชุด ioT กับ ESP8266

iot คือทุกอย่างสามารถเชิ่อมต่อบนโลกอินเตอร์เน็ต เชื่อมโลกได้ สั่งได้ทั่วโลก

วิ่งปรู๊ด ตามเส้นไป กับ Arduino

โครงงานรถยนต์กับ Aruino

AR vs VR

เชื่อมโลกเสมือนไปกับ AR และ VR

28 ธันวาคม 2559

ระบบปฏิบัติการ Windows

ข้อ 1.ระบบปฏิบัติการ Windows มีกี่ Version อะไรบ้าง

  Windows มีหลายรุ่นตั้งแต่ Windows 1.0 - Window10 ได้แก่ 
ก่อนจะเป็นระบบปฏิบัติการ Windows เป็นโปรแกรม Windows ในระบบปฏิบัติการ DOS มาก่อนได้แก่ 
  1. Windows 1.0 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1985 
  2. Windows 2.0 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1987  
  3. Windows 3.0 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1990 ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของ Windows ที่ได้รับความนิยมมากกว่ารุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก รองรับ 16 สี อินเทอร์เฟซถูกพัฒนาให้มีสีสันดูน่าใช้งานมากกว่าเดิม และได้ออก Windows 3.1 ตามมาในปี 1992 
 และเริ่มนับเป็นระบบปฏิบัติการ Windows จริงๆจาก Windows 95 คือไม่อาศัย DOS ในการรันโปรแกรม
  1. Windows 95 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1995 ยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดย Windows 95 รองรับสีแบบ 32 บิต และรองรับ Multitasking อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึั้นมา รวมทั้งการนำเสนอปุ่ม Start และ Taskbar เป็นครั้งแรก 
  2. Windows 98 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1998 เป็นรุ่นที่พัฒนามีให้เหมาะกับการใช้ทำงานและใช้เพื่อความบันเทิงในบ้าน อินเทอร์เฟซคล้ายกับ Windows 95 แต่มีสีสันมากกว่าเดิม พร้อมกับการมาครั้งแรกของแถบ Quick Launch สำหรับเปิดโปรแกรมอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิด Start Menu
  3.  Windows 2000 Professional วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2000 เป็นรุ่นที่พัฒนามาด้วยโค้ดเคอร์เนลเดียวกับ Windows ตระกูล NT ออกแบบมาเพื่อใช้ในกลุ่มองค์กรหรือธุรกิจ มีการพัฒนาให้รองรับระบบเครือข่ายและมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
  4.  Windows Me  วางจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2000 ตัวย่อ Me ย่อมาจาก Millennium Edition เป็น Windows สำหรับใช้งานภายในบ้านรุ่นสุดท้ายที่จะใช้โค้ดเคอร์เนลแบบเดียวกับ Windows 95 และ 98 ในการพัฒนา มีการพัฒนาให้รองรับสื่อบันเทิงต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่า Windows 98
  5.  Windows XP วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2001 เป็น Windows รุ่นที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด เนื่องจากอินเทอร์เฟซที่ถูกพัฒนาให้สวยงามกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างก้าวกระโดด ปุ่ม Start สีเขียว Taskbar สีฟ้าสดใส พร้อมทั้งระบบที่มีความเสถียรและปลอดภัย สามารถอัพเดทตัวเองได้ มีโปรแกรมรองรับมาก โดย Windows XP เป็นรุ่นที่แรกใช้โค้ดเคอร์เนลตระกูล NT พัฒนาออกมาทั้งรุ่น Home Edition สำหรับใช้ในบ้าน และ Professional สำหรับใช้ในธุรกิจ และออกเวอร์ชั่น 64 บิต ตามมาในปี 2005
  6.  Windows Vista วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2007 อินเทอร์เฟซที่ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยเน้นไปที่หน้าต่างแบบกึ่งโปร่งใส มองเห็นทะลุได้ ดูคล้ายกระจก ปุ่ม Start ถูกเป็นเปลี่ยนลูกแก้วโลโก้ Windows พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านรักษาความปลอดภัยมากกว่าเดิม แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับ Windows XP
  7. Windows 7 วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2009 ยังคงใช้อินเทอร์เฟซแบบกึ่งโปร่งใสคล้ายกับ Windows Vista รองรับการใช้งานแบบระบบสัมผัสหน้าจอ พร้อมทั้งการมาของ Taskbar รูปแบบใหม่ที่แสดงเป็นไอคอนโปรแกรมขนาดใหญ่กว่าเดิม สามารถปักหมุดโปรแกรมที่ใช้เป็นประจำไว้บน Taskbar ได้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และทำให้ผู้ใช้ Windows XP หลายคนตัดสินใจที่จะอัพเกรดมาใช้ Windows 7
  8. Windows 8  วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2012 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อินเทอร์เฟซถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบเรียบสไตล์ Metro ปุ่ม Start และ Start Menu หายไป แทนที่ด้วย Start Screen แบบเต็มจอ การใช้งานถูกแบ่งออกเป็นโหมด Desktop ปกติเหมือน Windows รุ่นก่อน ๆ กับโหมด Metro สำหรับใช้งานแอพพลิเคชั่นบน Windows Store แบบเต็มจอ รองรับการใช้งานระบบสัมผัสเต็มรูปแบบ มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกใจกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและเลือกที่จะใช้ Windows 7 ต่อไป โดยในปี 2013 ไมโครซอฟท์ได้ออก Windows 8.1 ที่นำปุ่ม Start กลับมา พร้อมทั้งปรับปรุงระบบอีกเล็กน้อย
  9.  Windows 10   เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2014 เป็น Windows รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทางไมโครซอฟท์ได้ข้ามชื่อ Windows 9 ไป สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ อินเทอร์เฟซโดยรวมคล้ายกับ Windows 8 แต่โปรแกรมและแอพฯ ต่าง ๆ สามารถใช้งานได้ทั้งโหมด Desktop และโหมด Tablet ไม่แยกออกจากกันเหมือน Windows 8 อีกแล้ว พร้อมทั้งการกลับมาของ Start Menu สำหรับการใช้งานแบบโหมด Desktop โดยจะวางจำหน่ายในปี 2015
 ที่มา : http://men.kapook.com/view100198.html

ข้อ 2.Windows7 แบ่งออก เป็นกี่รุ่น อะไรบ้าง

     Windows7 ที่ไช้ทั่วไปแบ่งออก เป็น 6 รุ่นได้แก่
  1. Windows 7 Starter:รันโปรแกรมได้พร้อมกันเพียง 3 โปรแกรม มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Home Group มีที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่าง Taskbar และ JumpLists 
  2. Windows 7 Home Basic:รันโปรแกรมได้พร้อมกันจำกัดจำนวน (ขึ้นอยู่กับทรัพยากรของระบบ) มีฟีเจอร์ Live thumbnail previews & enhanced visual experience มีฟีเจอร์การใช้งานระบบเครือข่ายขั้นสูงอย่าง Ad-hoc wireless networks Internet connection sharing และมีฟีเจอร์ Mobility Center 
  3. Windows 7 Home Premium: มีฟีเจอร์ Aero Glass & advanced windows navigation มีที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่าง Media format และ Handwriting recognition มีฟีเจอร์ Windows Media Center รวมถึง Play To และ Multi-touch 
  4. Windows 7 Professional (Business): รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบโดเมน มีฟีเจอร์ Advanced network backup และ Encrypting File System และ Location Aware Printing 
  5. Windows 7 Enterprise และ Windows 7 Ultimate: มีฟีเจอร์ BitLocker ที่รองรับไดรว์ทั้งแบบ Internal และ External มีฟีเจอร์ DirectAccess และ BranchCache (ต้องใช้งานร่วมกับ Windows Server 2008 R2) และฟีเจอร์ AppLocker
 ที่มา : https://www.varietypc.net/webboard/?topic=636.0

ข้อ 3. เราสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ด้วยวิธีการใดบ้าง (เปิดโปรแกรม อย่างไร)

     เราสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้หลายวิธีดังนี้
  1. เรียกผ่านทางไอคอนบนเดสก์ทอป  โดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนนั้น ๆ
  2.  เรียกผ่านทางปุ่ม Start
    1.  คลิ๊กที่ปุ่ม     บนแถบงาน  หรือ กดปุ่ม  Ctrl + ESC จะปรากฎโปรแกรม
         ต่าง ๆ ให้เลือกใช้งาน
    2.  คลิ๊กที่ชื่อโปรแกรมที่ต้องการ
  3. การเรียกโปรแกรมใช้งานผ่านคำสั่ง Run
       ตามปกติโดยส่วนใหญ่แล้ว การเรียกโปรแกรมใช้งานทั่วไปมักจะเรียกผ่านเมนู หรือผ่านไอคอนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เราสามารถเรียกโปรแกรมใช้งานผ่านคำสั่ง Run ก็ได้ตัวอย่างเช่น หากต้องการเรียกใช้โปรแกรม Notepad ผ่านคำสั่ง Run
  4. การค้นหาโปรแกรมใช้งานผ่าน ปุ่ม Start (ตั้งแต่ Windows7)แล้วพิมพ์ชื่อโปรแกรมที่ต้องการระบบจะค้นหาโปรแกรมต่างๆขึ้นมา แล้วเราก็คลิ๊กที่ชื่อโปรแกรมนั้นๆ ได้เลย
ที่มา: https://sites.google.com/site/rabbpdibatikar1/kar-reiyk-porkaerm-chi-ngan

ข้อ 4. คุณสมบัติ Aero Peek มีลักษณะอย่างไร จงอธิบาย


ข้อ 5. คุณสมบัติ Aero Snap มีลักษณะอย่างไร จงอธิบาย


ข้อ 6. เราสามารถปิดคอมพิวเตอร์ได้ด้วยวิธีการใดบ้าง จงอธิบาย

องค์ประกอบของระบบสื่อสารข้อมูล

  การสื่อสารข้อมูลมีองค์ประกอบ 5 อย่าง (ดังรูป) ได้แก่


      1. ผู้ส่ง (Sender) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งข่าวสาร (Message) เป็นต้นทางของการสื่อสารข้อมูลมีหน้าที่เตรียมสร้างข้อมูล เช่น ผู้พูด โทรทัศน์ กล้องวิดีโอ เป็นต้น
      2. ผู้รับ (Receiver) เป็นปลายทางการสื่อสาร มีหน้าที่รับข้อมูลที่ส่งมาให้ เช่น ผู้ฟัง เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
      3. สื่อกลาง (Medium) หรือตัวกลาง เป็นเส้นทางการสื่อสารเพื่อนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง สื่อส่งข้อมูลอาจเป็นสายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเชียล สายใยแก้วนำแสง หรือคลื่นที่ส่งผ่านทางอากาศ เช่น เลเซอร์ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุภาคพื้นดิน หรือคลื่นวิทยุผ่านดาวเทียม
      4. ข้อมูลข่าวสาร (Message) คือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผ่านไปในระบบสื่อสาร ซึ่งอาจถูกเรียกว่า สารสนเทศ (Information) โดยแบ่งเป็น 5รูปแบบ ดังนี้
         4.1 ข้อความ (Text) ใช้แทนตัวอักขระต่าง ๆ ซึ่งจะแทนด้วยรหัสต่าง ๆ เช่น รหัสแอสกี เป็นต้น
         4.2 ตัวเลข (Number) ใช้แทนตัวเลขต่าง ๆ ซึ่งตัวเลขไม่ได้ถูกแทนด้วยรหัสแอสกีแต่จะถูกแปลงเป็นเลขฐานสองโดยตรง
         4.3 รูปภาพ (Images) ข้อมูลของรูปภาพจะแทนด้วยจุดสีเรียงกันไปตามขนาดของรูปภาพ
         4.4 เสียง (Audio) ข้อมูลเสียงจะแตกต่างจากข้อความ ตัวเลข และรูปภาพเพราะข้อมูลเสียงจะเป็นสัญญาณต่อเนื่องกันไป
         4.5 วิดีโอ (Video) ใช้แสดงภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดจากการรวมกันของรูปภาพหลาย ๆ รูป
      5. โปรโตคอล (Protocol) คือ วิธีการหรือกฎระเบียบที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ผู้รับและผู้ส่ง สามารถเข้าใจกันหรือคุยกันรู้เรื่อง โดยทั้งสองฝั่งทั้งผู้รับและผู้ส่งได้ตกลงกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ในคอมพิวเตอร์โปรโตคอลอยู่ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่มีหน้าที่ทำให้การดำเนินงาน ในการสื่อสารข้อมูลเป็นไปตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น X.25, SDLC, HDLC, และ TCP/IP เป็นต้น

http://www.ks.ac.th/kroorung/images/p-01.jpg 
ที่มา : http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_datacom2.htm

2 กันยายน 2559

บันทึกโปงลางรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี โปงลางต้นน้ำซี



โปงลางรุ่นอายุไม่เกิน  15 ปี 


31 สิงหาคม 2559

การใช้ Sony Vegas

สอน Sony Vegas Pro - ตัดต่อวีดีโอเบื้องต้น

Episode IV ตัดต่อวีดีโอง่ายๆด้วย Sony Vegas 10 – ทำวีดีโอหรือรูปประกอบเพลง


Episode V ตัดต่อวีดีโอง่ายๆด้วย Sony Vegas 10 – การทำวีดีโอซ้อนกันหลายๆอัน

How to use Effect in Sony Vegas สร้าง3D ด้วยVegas


4 เทคนิคตัดต่อวีดีโอด้วย Sony Vegas




การแต่งภาพ Lightroom

การแต่งภาพ Lightroom 
ถ่ายและแต่งภาพสไตล์ Pre-wedding ใน Lightroom 




29 สิงหาคม 2559

Computer Room1

Computer Room1
NPWR.AC.TH

ห้องจะสะอาด สวยงาม ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานโปรดช่วยกันรักษาความสะอาด



24 สิงหาคม 2559

Single Board Computer ไม่ได้มีแต่ Raspberry Pi

ภาพจาก lattepanda.com
    หลายปีก่อนรู้สึกตื่นเต้นก้บ Raspberry Pi มาก เป็นคิมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ ราคาถูก เอามาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ยังคิดว่าอยากได้มาลองเล่นสักชุด 2 ชุด เช่น
  • ลง Windows สำหรับนักเรียนสืบค้น
  • ลง Linux เก็บ Log
  • มาใช้เป็น Windows Box ต่อจอTV ที่บ้านดูหนังผ่านเน็ต กับ USB Drive
  • ทำเป็น Controller  ควบคุมเปิดปิด Wifi 
  • ฯลฯ
     ด้วยราคาที่น่าสนใจ (แต่ก็ยังแพงกับฐานะครูบ้านนอกตัวเล็กๆ) ก็ไม่ได้สานต่อความคิด จนทุกวันนี้มีอุปกรณ์หลายตัว และเทคโนโลยีที่เรียกว่าก้าวหน้ารวดเร็ว ตอนนี้เด็กๆ นักเรียนมี Smart Phone กันหมดแล้ว เราจึงเตรียมแค่ Internet Wifi ความเร็วสูงให้พอ สืบค้นได้ ตอบคำถาม สอบกันผ่าน Smart Phone ได้
    ยาวมาเลย เอ้า..มาเข้าเรื่อง
Q. Single Board Computer มันคืออะไร?
A. ก็คอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยว ใงละ 
Q. เดี่ยวยังไง?
A. ก็อยู่บนบอร์ดเล็กๆ อันเดียว มี Hardware ทุกอย่างครบ ต่อแค่ จอ เมาส์ คีย์บอร์ด Wireless มี Bluetooth  LAN มี แถมมีที่ต่อ  port IO ที่เรียกว่า GPIO ให้เอาอุปกรณ์มาพ่วง เช่นต่อ sensor วัดอุณหภูมิ วัดความชื้น ต่อรีเลย์ หรือเซอร์โวมอเตอร์ ได้อีกหลาย (ปล.มีบางรุ่น)
Q. เหมือนคอมพิวเเตอร์มือถือนะ แล้วต่างกันยังงัย(อย่างไร)?
A. มันมาแค่บอร์ด มันเป็นเครื่องเปล่า(แต่บางรุ่นลง Windows 10 Pre หรือ มาพร้อม Licence เลย)
Q. แล้วมันดียังงัย?
A. จัก! บ่เคยใช้ (มันคือคอมพิวเตอร์น้อยๆ ราคาเบาๆ เอามาประยุกต์ต่อยอด อิอิ)
Q. มันทำได้ทุกอย่างเลยมั้ย ?
A. ทุกอย่างครับ(ที่คอมพิวเตอร์อย่างมันจะทำได้ ที่แน่ๆ ให้มันเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้กินแน่ๆ)
Q.แล้วมันมีอะไรบ้างละ
A. หลายตัว หลายยี่ห้อ หลายราคา (เหมือนปลาหมึกตลาดนัด อิอิ)

ยกตัวอย่างครับ

Raspberry Pi (อ่านว่าราสเบอรี่พาย)

    Raspberry Pi มันคือคอมพิวเตอร์ในบอร์ดเดียว (Single Board Computer) พัฒนาโดยทีมของ Raspberry Pi Foundation สหรัฐอเมริกา วิศวกรผู้สร้างคือ Eben Christopher Upton เดิมสร้างเจ้าตัวนี้มาเพื่อสอนในสาขา Computer Science โดยมันสร้างขึ้นโดยให้สามารถทำงานในภาษาไพธอนเป็นภาษาหลักในการควบคุม Raspberry Pi นอกจากนั้นยังเขียนภาษาอื่นเพื่อสั่งการทำงานได้ เช่น ภาษาเบสิก BBC Basic บนระบบปฏิบัติการ RISC OS, ภาษาซี , ภาษา Perl ได้อีกด้วย โดยระบบปฏิบัติการจะติดตั้งลง SDCard มีช่อง USB ช่องเสียบ Lan อาจะเพิ่มได้อีก ลง Linux / Android ได้
    สามารถสั่งซื้อได้ในราคาตั้งแต่ 25$ ถึง 80$ ครับ ตามเว็บต่างๆ

LattePanda


มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบชุด ลง Windows 10 มาพร้อมเสร็จ เสียบจอเล่นได้เลย หลายรุ่น หลายราคา CPU QUAD CORE Ram2-4GB  Rom32-64GB มีจอ 7 นิ้วขายด้วย

Odroid-C1


รูปจาก hardkernel.com

คล้ายกับ Pi 2 ที่มาพร้อมกับ USB 2.0 จำนวน 4 พอร์ต, ทั้งยังมี HDMI ในราคาที่ 35 เหรียญ (ประมาณ 1,260 บาท) คุณสมบัติที่โดดเด่นยิ่งกว่านั้นคือ เจ้า Odroid-C1 นี้มันยังมาพร้อมกับ Gigabit Ethernet, รองรับ Android ด้วยพลังประมวลผลที่ 1.5 GHz quad-core ARM Cortex-A5, RAM ขนาด 1 GB และยังมีตัวรับสัญญาณควบคุมอินฟาเรด ตัวนี้จัดได้ว่าคุ้มค่ามาก

BeagleBone Black


รูปจาก beagleboard.org

BeagleBone Black เสนอราคาอยู่ที่ 45 เหรียญ (ประมาณ 1,620 บาท) ที่พลังประมวลผล 1 GHz, DDR RAM 512 MB, รองรับ USB 2.0 เพียง 1 พอร์ต อย่างไรก็ตามก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือมันมาพร้อมกับ 10/100 Ethernet, HDMI และก็พื้นที่เก็บข้อมูล microSD

Banana Pi


รูปจาก bananapi.org

ด้วยหน่วยประมวลผล 1 GHz A20 dual-core และ RAM 1 GB ในราคา 49 เหรียญ (ประมาณ 1,764 บาท) ตัวเชือมต่อ USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต และจุดขายที่สำคัญคือพื้นที่เก็บข้อมูล SD card ได้สูงสุดถึง 64 GB และด้วยพอร์ต SATA ได้มากถึง 2 TB

Intel Galileo Gen2


รูปจาก intel.com

Intel ลงสนามแข่งด้วยราคาที่ 45 เหรียญ (ประมาณ 1,620 บาท) ด้วยความสามารถบูตระบบโดยไม่จำเป็นต้องใช้หน่วยความจำภายนอก ตัวบอร์ดทำงานบนระบบประมวลผล 32-bit Quark SoC x1000 ด้วยความเร็วที่ 400 MHz, RAM 256 MB, 100 megabits Ethernet

HummingBoard


รูปจาก solid-run.com

ด้วยหน่วยประมวลผล 1 GHz i.MX6 dual-core Cortex-A9 และ GPU GC2000 ดูเหมือนจะเหนือกว่า Pi 2 ที่ใช้หน่วยประมวลผล Cortex-A7 ราคาก็เช่นกัน HummingBoard นั้นมีราคาอยู่ที่ 70-160 เหรียญ (ประมาณ 2,520 – 5,760 บาท) มาพร้อมกับการรองรับระบบปฏิบัติการได้ทั้ง Linux และ Android สำหรับหน่วยความจำนั้นมีขนาด 1 GB และออปชั่นการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Audio jack 3.5mm, Ethernet, HDMI และ USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต

Udoo Dual



รูปจาก udoo.org
รูปจาก udoo.org

ด้วยคุมพลัง Quard core ARM Cortex-A9 1 GHz ขนาด RAM ที่ 1 GB ที่สามารถรองรับการทำงานกับ Android และ Linux อีกหลาย distribution ได้ Udoo Dual เสนอราคา 115 เหรียญ (ประมาณ 4,410 บาท) ถึงแม้สเปคอาจจะดูต่ำกว่า Pi 2 และ BeagleBone อยู่บ้าง แต่ด้วยความสามารถในการรองรับ Andriod และ Linux ก็นับว่าน่าสนใจทีเดียว คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจยังมีอีกเช่น Ethernet, HDMI, Wi-Fi, microSD car และ USB จำนวนหลายพอร์ต

7. MinnowBoard Max


รูปจาก minnowboard.org

MinnowBoard Max มากับหน่วยประมวลผล single-core Atom E38xx ด้วยความเร็วที่ 1.46 GHz และ DDR2 RAM ขนาด 1 GB ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกนึงที่ดีนอกเหนือจาก Raspberry Pi 2 ส่วนเชื่อมต่อนั้นประกอบไปด้วย USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต, SATA-2 และ Gigabit Ethernet ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงที่ 99 เหรียญ (ประมาณ 3,564 บาท)  MinnowBoard Max ยังมีอีกรุ่นที่เป็น Dual-core 1.33 GHz และ RAM 2 GB เสนอราคาที่ 139 เหรียญ (ประมาณ 5,004 บาท)

 PandaBoard


รูปจาก pandaboard.org

มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Dual-core 1 GHZ ARM Cortex-A9 และยังมี GPU 384 MHz สำหรับราคานั้นอยู่ที่ 174 เหรียญ (ประมาณ 6,264 บาท) ซึ่งสูงกว่า Pi และ Pi 2 แต่ด้วยความสามารถที่ถ่ายทอดวีดีโอคุณภาพ 1080p จากพอาร์ต DVI และ HDMI แล้ว ถือว่าตัวนี้มีคุณสมบัติแถวหน้าของ Single Board Computer เลยทีเดียว ส่วนเชื่อต่ออื่นๆ ที่รองรับเช่น Wi-Fi, Bluetooth, 10/100 Ethernet และ USB 2.0 จำนวน 2 พอร์ต และพื้นที่เก็บข้อมูล 32 GB จาก SD card
http://www.thaibizcom.com/2013/06/raspberry-pi/
http://www.lattepanda.com/

23 สิงหาคม 2559

ปอป่านเดินห้าง


สวย..หล่อ..ด้วย App

สวย..หล่อ..ด้วย App

 สมัยนี้........หาคนจริงใจลำบาก
พูดคุยกันก็ใช้น้ำเสียง แอ็บแบ้ว
ถ่ายรูป ก็ใช้ App แบ้ว
ทานข้าว ก็ทานแบบ แอ็บแบ้ว แซ๊บม๊าากกก (ในใจ เทิงเค็ม เทิงเผ็ด) 
สรุป ... คนจริงใจ ย๊าก.....กว่างมเข็มใน....ทะเลใจ..